บทที่ 3 บทที่2
บทที่2
เมื่อร่างสตรีผู้เป็นเจ้าของงานในวันนี้เดินเข้ามา บุรุษหนุ่มรูปงานรีบสาวเท้ายาวเข้ามาประชิดตัวนางทันที อาหารมื้อเย็นเมื่อคืนเขาไม่มีโอกาสได้คุยกับนางเลย พอรับประทานอาหารเสร็จผู้ใหญ่ต่างพากันแยกย้ายกลับเรือนเพื่อพักผ่อนเนื่องจากเพิ่งเดินทางมาไกล
“อิงอิง” กู้เฉิงกงโปรยยิ้มเมื่อเดินมาหยุดยังเบื้องหน้าของสตรีที่เขาปรารถนา ไม่สนใจสายตาใคร่รู้ของผู้ใด เขาไม่อาจปิดบังความรู้สึกที่มีต่อนางได้อีกต่อไปแล้ว หากนานกว่านี้ทุกอย่างอาจสายจนเกินแก้ไข ฝ่ามือหนาผายออกไปเบื้องหน้าหมายให้นางวางมือบางวางลงทาบทับ ก่อนจะพาเจ้าของงานวันเกิดเดินเข้าไปหากลุ่มของบิดามารดาของนางและเขาที่สนทนากันอยู่ไม่ไกล
“ท่านพี่เฉิงกง” เผยอิงส่งยิ้มหวานตอบ บุรุษรูปโฉมงดงามผและองอาจผู้นี้เป็นเพียงบุรุษเดียวที่นางเอ่ยเรียกด้วยท่าทีสนิทสนมกว่าผู้ใด ก็ในบรรดาบุรุษทั้งหมดที่ใกล้ชิดสกุลเผยมีเพียงกู้เฉิงกงที่บิดาของนางไว้ใจให้เข้าใกล้นางมากที่สุดแล้ว
“เผยฮูหยิน ท่านช่างโชคดีเหลือเกินที่บุตรสาวของท่านงดงามราวดอกกุหลาบงาม อีกทั้งยังเรียบร้อยสมกับเป็นกุลสตรีชั้นสูง ผิดกับสื่อเหนียงสือเหนียงของข้า อายุอ่อนกว่าเผยออิงเผยอิงเพียงไม่กี่ปีเท่านั้นแต่ก็ยังมิรู้ความกระโดกกระเดกเหลือทนข้าล่ะละเหนื่อยใจหน่ายใจเหลือเกิน” ประโยคราวกับติติงบุตรสาวแต่น้ำเสียงของกู้ฮูหยินกลับพออกพอใจและภูมิใจในตัวบุตรสาวของตนไม่น้อย
“แล้วเหตุใดนางถึงไม่มาร่วมงานในวันนี้ด้วย” เผยฮูหยินฝืนยิ้ม แรกเริ่มเหมือนกู้ฮูหยินจะเอ่ยชมอิงอิงบุตรสาวของนางแต่ตอนท้ายกลับเอ่ยถึงบุตรสาวของตนเองเสียอย่างนั้น เหมือนต้องการให้ถามถึงกลาย ๆ นางจึงต้องต่อประโยคที่สตรีอีกคนต้องการ แม้จะหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงมาปักหลักไกลถึงเมืองชิงหลง แต่ก็ยังทิ้งสังคมของเหล่าฮูหยินตราตั้งไปไม่ได้ ยิ่งวันนี้เป็นงานวันเกิดของเผยอิงด้วย นางจะไม่ได้ให้ผู้ใดมองเผยอิงอย่างที่นางเคยโดนจากเหล่าสตรีชนชั้นสูงที่เมืองหลวงเด็ดขาด นางต้องทำตัวเป็นแม่งานที่ดี เผยฮูหยินท่องในใจต้องทนใส่หน้ากากสนทนากับสตรีผู้นี้จนกว่างานจะจบให้ได้
“นางไม่อยากออกจากเมืองหลวงหรอก แม้เมืองชิงหลงจะเจริญขึ้นมากเท่าใด แต่ก็หาเทียบได้กับเมืองหลวงฉางอัน สือเหนียงของข้าเอาแต่เที่ยวเล่นไปวัน ๆ แต่งองค์ทรงเครื่องราวกับสตรีสูงศักดิ์ในรั้ววัง แถมใช้เงินยิ่งกว่าเศษกระดาษ ข้าละเหนื่อยที่จะปราม ข้าบอกนางว่าสตรีแย่งนี้บุรุษดี ๆ สกุลใดจะอยากแต่งด้วย” กู้ฮูหยินแม้จะบ่นว่าบุตรสาวใช้เงินสิ้นเปลือง แต่นางกลับเชิดดวงหน้าขึ้นสูง ทั้งตัวประโคมเครื่องประดับจนแทบจะโดดเด่นกว่าเจ้าของวันเกิดอย่างเผยอิง หากไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของบุตรสาวท่านเผยเหิงและละก็ ต้องคิดว่าวันนี้คือวันเกิดของสตรีสูงวัยคนนี้เป็นแน่
“แล้วนางว่าอย่างไร” เผยเหิงถามอย่างเอาใจ แม้นจะขำขันที เขาเคยเจอเด็กน้อยคนนั้นหนสองหนยามต้องไปทำธุระที่ฉางอัน
“นางก็หัวเราะจนตัวงอ บอกว่านางมีบุรุษที่จะแต่งด้วยแน่นอน แค่รอเวลา ยามนั้นข้าจะต้องอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร” พูดจบกู้ฮูหยินก็ส่ายหัว หนนี้นางทำสีหน้าจริงจังมิได้หมายจะโอ้อวดบุตรสาวอย่างทุกครั้ง
เผยอิงส่งยิ้มหวานยืนฟังบทสนทนาเงียบ ๆ แม้จะตำหนิบุตรสาวอยู่หลายประโยค แต่นางรู้ดีกว่ากู้ฮูหยินภาคภูมิใจในบุตรสาวของตนและคาดหวังในตัวสื่อเหนียงสือเหนียงไม่น้อย
เผยเหิงเดินเข้าโอบไหล่บาง “แต่ก็จริงอย่างที่กู้ฮูหยินกล่าวมา เผยอิงเติบโตขึ้นมาได้อย่างงดงามและเพียบพร้อมนางคือความภาคภูมิใจของข้า หยกงามล้ำค่าที่ประเมินราคามิได้”
เผยอิงก้มหน้าแดง แม้จะดีใจที่นางคือความภุมิใจภูมิใจของบิดา แต่ภายในใจก็แอบหวั่นเกรงว่ากู้ฮูหยินจะอาคำพูดของบิดานางไปนินทาและหัวเราะลับหลัง เหมือนที่สตรีคนอื่นทำ
“ท่านเผยคงประเมินค่าของเผยอิงไว้สูงเสียดฟ้าเลยสิท่า” กู้ฮูหยินแม้จะแย้มยิ้มแต่น้ำเสียงที่เปร่งเปล่งออกมาทำเอาเผยอิงแม้มเม้มปากแน่น
นั่นไง เสียงเย้ยหยันและแววตาดูหมิ่นอย่างเปิดเผย ไม่คิดว่าสตรีสูงวัยผู้นี้จะกล้าทำต่อหน้าบิดาของนาง
“แน่นอน!” ชายชราตอบเสียงห้วน
เผยอิงสะดุ้ง ภายในใจเต้นเร่าวิตกกังวลว่าบิดาจะปะทะคารมกับกู้ฮูหยิน เป็นกู้เฉิงกงที่เอ่ยแทรกเพราะไม่อยากอยู่ท่ามกลางความตึงเครียด เขามีเรื่องต้องกังวลพอแล้ว
“ข้าว่า… เด็ก ๆ อย่างเราสองคนไปคุยกันตรงนู้นดีกว่า ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกับกันเถิด” ฝ่ามือหนาดันแผ่นหลังเผยอิงให้เดินออกจากวงสนทนา ไม่สนใจอาการขัดขืนของเผยอิง “ไปเถิดน่า นา ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันไปเถิด อยู่ไปก็ต้องยืนฟังคำอวดบุตรสาวของตนเอง ใส่ดีกว่า งดงามกว่า”
เผยอิงพยักหน้ารับแต่สายตายังมองกลับมาที่กลุ่มของบิดาไม่วางตา เกรงบิดาจะอารมณ์ข่นขุ่นมัว นางไม่อยากเป็นตนเหตเหตุที่ทำให้ท่านมีปากเสยงเสียงกับผู้ใด
“ว่าอย่างไร สบายดีหรือไม่ เมือเมื่อวานมิได้คุยกันเลย” กู้เฉิงกงเอ่ยเสียงเรียบ รอยยิ้มพิมพ์ใจปากฎปรากฏที่มุมริมฝีปากหยัก
“สบายดีตามอัตภาพเจ้าค่ะ แล้วท่านพี่เฉินกงเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรสนุก ๆ มาเล่าให้ข้าฟังหรือไม่คราวนี้”
หน่มสาวหนุ่มสาวพยักยิ้มให้แก่กันอย่างรื่นเริง บ่อยปล่อยให้ผู้ใหญ่ตกลงกันเองคงจะดีที่สุด
“ข้าได้หนังสือที่เจ้าอยากได้มาด้วย แต่ไม่ได้หยิบติดมือมา เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนออกเดินทางจะเอาให้ก็แล้วกัน”
“จริงหรือเจ้าค่ะ” เผยอิงยิ้มจยิ้มจนเต็มดวงหน้า หนังสือกลอนของปราชปราชญ์ผู้หนึ่ง หาเล่มคัดลอกที่เมืองชิงหลงไม่ได้เสียด้วย เอ้นหลันบอกว่ามีขายแค่ในเมืองหลวงเท่านั้น
“แน่สิ แค่เจ้าเปรยว่าอยากได้ข้าก็ไปดันดั้นด้นหามาให้”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านใจดีกับข้าเสมอ”
“ไม่มีใครดีกับเจ้าเท่าข้าแล้ว ต่อให้เป็นเฉินเฟยอวี่ก็ไม่รู้ใจข้าเท่าเจ้าเจ้าเท่าข้า”
เผยอิงเอียงศีรษะ “ผู้ใดคือเฉินเฟยอวี่เจ้าคะ”
“เอ๊ะ เจ้าไม่ร้ไม่รู้หรือว่าเฉินเฟยอวี่คือผู้ใด” น้ำเสียงกู้เฉินกงแปลกใจในที
“ข้าก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อจากท่านนี่ล่ะ” เผยอิงนางตอบตามตรงอย่างไม่ปิดบัง
“บุตรชายบุญธรรมของบิดาเจ้า เจ้าไม่รู้จักได้เช่นไร”
